ทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1
ทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1 | |
---|---|
กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย | |
ภาพสลักบนหินของพระเจ้าทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1 | |
ครองราชย์ | 1114–1076 ปีก่อนคริสต์ศักราช |
ก่อนหน้า | อาชูร์-เรช-อีชีที่ 1 |
ถัดไป | อาชูริด-อะพัล-อีคูร์ |
ภาษาแอกแคด | Tukultī-apil-Ešarra |
ทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1 (อังกฤษ: Tiglath-Pileser I; แอกแคด: Tukultī-apil-Ešarra, "ความไว้วางใจของข้าพเจ้าอยู่ในตัวบุตรแห่งเอสฮาร์รา"; ครองราชย์ 1114–1076 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ทรงเป็นกษัตริย์แห่งอัสซีเรียช่วงจักรวรรดิอัสซีเรียกลาง รัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่อัสซีเรียเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด อาณาจักรของพระองค์มีพื้นที่ถึงอนาโตเลีย ซีเรียและชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน[1] ฌอร์ฌ รูซ์ (Georges Roux) นักเขียนแนวประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสกล่าวถึงพระองค์ว่า "ทรงเป็นหนึ่งในสองหรือสามกษัตริย์อัสซีเรียผู้ยิ่งใหญ่นับตั้งแต่พระเจ้าชัมชี-อะดัดที่ 1"[2]
พระเจ้าทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา พระเจ้าอาชูร์-เรช-อีชีที่ 1 (Ashur-resh-ishi I) ในปีที่ 1115 ก่อนคริสต์ศักราช การทัพแรกของพระองค์คือทำสงครามกับชาวมัสกู (Mushku) ที่ยึดครองพื้นที่ตอนบนของแม่น้ำยูเฟรทีสในปีที่ 1112 ก่อนคริสต์ศักราชและขับไล่ชาวฮิตไทต์จากเมืองซูบาร์ตู (Subartu) บนคาบสมุทรอนาโตเลีย[3] ก่อนจะเดินทัพผ่านทางใต้ของทะเลสาบแวนเพื่อยึดมาลาเทีย (Malatia) หลังครองราชย์ได้ 5 ปี พระเจ้าทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1 ได้โจมตีภูมิภาคโคมานาและแคปพาโดเชีย เป้าหมายต่อไปของพระองค์คือดินแดนของชาวอาราเมียน (Arameans) ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย[4] พระองค์สามารถยึดดินแดนได้ไกลถึงต้นแม่น้ำไทกริสและหลายเมืองที่อยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ในช่วงท้ายรัชกาล พระเจ้าทิกลัธ-ไพลีเซอร์ที่ 1 ทรงเน้นการป้องกันดินแดนจากชาวอาราเมียน พระองค์สวรรคตในปีที่ 1076 ก่อนคริสต์ศักราช โอรสองค์หนึ่งของพระองค์ อาชูริด-อะพัล-อีคูร์ (Asharid-apal-Ekur) ขึ้นครองราชย์ต่อ[5]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 'The Collins Encyclopedia of Military History', Dupuy & Dupuy, 1993, p. 9
- ↑ Roux, Georges. Ancient Iraq. Third edition. Penguin Books, 1992 (paperback, ISBN 0-14-012523-X).
- ↑ Tiglath-pileser I | king of Assyria | Britannica.com[ลิงก์เสีย]
- ↑ Canaan in the 2nd Millennium B.C.E. by Nadav Naʼaman
- ↑ Mesopotamia and the Bible by Mark W. Chavalas,K. Lawson Younger, Jr.