ทรายดำ
ทรายดำ (อังกฤษ: black sand) เป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่พบสะสมตัวบริเวณชายหาด ที่มีการสะสมตัวของเม็ดทรายสีดำที่มีความทนทานต่อการผุพังสลายตัว และมีความหนาแน่นมากกว่าแร่ควอตซ์ เป็นชายหาดที่มีกำลังคลื่นมากเพียงพอที่จะพัดพาเอาวัตถุที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าออกไป โดยที่วัตถุที่มีความหนาแน่มากกว่าจะถูกพัดพาออกไปได้ช้ากว่าหรือยังคงตกสะสมตัวอยู่กับที่ สะสมตัวจนเกิดเป็นชายหาดที่มีทรายสีดำสะสมตัวเป็นหลัก หาดทรายดำอาจเกิดจากการตกสะสมตะกอนที่แตกหักมาจากหินต้นกำเนิด แล้วถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด (placer deposit) หรืออาจเกิดจากการที่ลาวาร้อนไหลลงไปสัมผัสกับน้ำทะเลอย่างฉับพลัน จนทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง (steam explosion หรือ littoral explosion) ทำให้เกิดเม็ดทรายและถูกพัดพาไปสะสมตัวเป็นหาดทรายสีดำ
การสะสมตะกอนแบบเพลเซอร์
[แก้]ทรายดำจะถูกใช้โดยชาวเหมืองและนักสำรวจในการบ่งชี้การปรากฏของแหล่งเพลเซอร์ การทำเหมืองเพลเซอร์จะผลิตทรายดำเข้มข้นล้วน ๆ ซึ่งปรกติจะมีสิ่งมีค่าที่ไม่ใช่โลหะมีค่า อย่างเช่นธาตุหายาก (rare earth elements) ทอเรียม ไททาเนียม ทังสเตน เซอร์โคเนียม และอื่น ๆ ซึ่งปรกติจะเกิดจากการแยกตัวออกมาจากกระบวนการแยกส่วนทางอัคนีไปเป็นแร่ธรรมดา ๆ ที่จะกลายเป็นทรายดำหลังจากการผุพังและกัดกร่อน
เพชรพลอยหลายชนิดอย่างเช่นการ์เนต โทแพซ ทับทิม แซฟไฟร์ และเพชรถูกพบในเพลเซอร์และในช่วงที่ดำเนินการทำเหมืองเพลเซอร์ เม็ดทรายของเพชรพลอยเหล่านี้ก็อาจถูกพบในทรายดำ การ์เนตสีบานเย็นหรือสีทับทิมมักพบบนพื้นผิวลูกคลื่นที่สะสมตัวเป็นเพลเซอร์บริเวณชายหาดทะเล
เศษตะกอนจากลาวา
[แก้]ลาวาจากการปะทุไหลเอ่อลงไปบนพื้นทะเลตื้น ๆ หรือไหลจากผืนดินลงไปในทะเลอาจเกิดการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วจนเกิดการระเบิดแตกออกเป็นเศษชิ้นตะกอนของหินเล็ก ๆ (littoral explosion หรือ steam explosion) ผลก็คือเกิดเศษชิ้นตะกอนหินภูเขาไฟขนาดเท่าเม็ดทรายจำนวนมหาศาลของหินบะซอลต์ที่มีองค์ประกอบของแร่เหล็กสูงและมีแร่ซิลิกาต่ำ เมื่อเกิดการผุพังก็ยังคงมีสีดำของแร่หนักทำให้คลื่นชายฝั่งพัดพาเอาตะกอนที่เบากว่าออกไปโดยทิ้งไว้เฉพาะทรายดำที่มีน้ำหนักมากกว่า หาดทรายดำที่มีชื่อเสียงของฮาวายอย่างเช่น หาดทรายดำ Punaluu ซึ่งเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดโดยปฏิสัมพันธ์อย่างรุนแรงระหว่างลาวาร้อนกับน้ำทะเล
ทรายดำบริเวณชายหาดด้านตะวันตกของเกาะเหนือหลายแห่งในประเทศนิวซีแลนด์มีคุณสมบัติดูดติดกับแม่เหล็กได้ ทรายเหล่านี้เกิดจากการผุพังจากหินภูเขาไฟ Taranaki และแถบพื้นที่ Taupo แล้วถูกพัดพาไปกับแม่น้ำลงทะเลสะสมตัวบริเวณชายหาดและก้นทะเล ทรายเหล่านี้ประกอบไปด้วยแร่เหล็ก (magnetite และ hematite) ไททาเนียม และวานาเดียม ทรายเหล่านี้ถือว่ามีองค์ประกอบของแร่เหล็กสูงถึง 20–25% โดยน้ำเหล็ก โดยมีแร่หลักเป็น titanomagnetite ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแร่สปิเนลประกอบด้วย magnetite (Fe3O4) และ ulvospinel (Fe2TiO4)[1][2][3]
หาดทรายดำบนชายหาดแคบ ๆ แห่งหนึ่งใกล้เมือง Westpoint บนชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะใต้ในประเทศนิวซีแลนด์อุดมไปด้วยแร่ อิลเมไนต์ (ilmenite – iron titanium oxide: FeTiO3) ซึ่งถูกพัดพามาโดยแม่น้ำและสะสมตัวเป็นชายหาด แต่ปริมาณของแร่อิลเมไนต์บนชายหาดและลานตะพักที่สูงขึ้นไปจะมีปริมาณไม่คุ้มค่าในการทำเหมืองเพื่อทำการแยกธาตุไททาเนียม[4]
อย่างไรก็ตามทรายดำจากหาด Boracay ในจังหวัด Cagayan บนเกาะลูซอน ของประเทศฟิลิปปินส์ เป็นทรายดำที่มีสินแร่ magnetite ถึง 70% ซึ่งมีชาวเกาหลีใต้เข้าไปดำเนินการขุดตักส่งกลับเกาหลีใต้ ผลการตักทรายดำทำให้น้ำทะเลหนุนเข้าไปในพื้นที่กสิกรรมสร้างความเดือดร้อนจนประชาชนในท้องที่มีท่าทีคัดค้าน[5]
แหล่งหาดทรายดำของโลก
[แก้]หาดทรายดำเกิดขึ้นได้ทั่วไปบริเวณที่มีการระเบิดของภูเขาไฟหรือมีแหล่งหินภูเขาไฟใกล้บริเวณชายหาด พบในหลายประเทศทั่วโลกซึ่งมักจะพบสัมพันธ์กับแนวตะเข็บรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกที่มีการประทุของภูเขาไฟรวมถึงเกาะภูเขาไฟต่าง ๆ ในมหาสมุทรด้วย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- กัวเตมาลา หาดทรายดำ Monterrico[6] บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
- สาธารณรัฐโดมินิกัน หาดทรายดำระหว่าง Calibishie กับ Wesley[7]
- คอสตาริกา หาดทรายดำ Cabinas[8] เมืองปูเอร์โตบิเอโฮ (Puerto Viejo) ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และหาดทรายดำ Playa Ocotal[9] บนชายฝั่งแปซิฟิก
- เซนต์คิตส์และเนวิส หาดทรายดำที่เกาะเซนต์คิตส์[10] ในเซนต์คิตส์และเนวิส]] ในทะเลแคริบเบียน
- เปอร์โตริโก หาดทรายดำ Playa Negrita[11] ที่เกาะบิเอเกส (Vieques) ในทะเลแคริบเบียน
- นิการากัว หาดทรายดำบนเกาะ Ometepe[12] ซึ่งเป็นเกาะภูเขาไฟกลางทะเลสาบ Big Lake Nicaragua
- ปานามา หาดทรายดำ Anse Céron[13] ที่เกาะ Martinique ในทะเลแคริบเบียน
- บราซิล หาดทรายดำ Ilha Grande[14] ในรีโอเดจาเนโร
- เอกวาดอร์ หาดทรายดำที่หมู่เกาะกาลาปาโกส[15] นอกชายฝั่งเอกวาดอร์ในมหาสมุทรแปซิฟิก
- เอลซัลวาดอร์ หาดทรายดำ Playa el Tunco[16] เมืองลาลิเบร์ตัด (La Libertad) บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
- ชิลี หาดทรายดำ Playa Grande[17] เมืองปูกอน (Pucon) ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
- อะแลสกา หาดทรายดำ Prince William Sound[18] หาดทรายดำในเมือง Ketchikan Gateway Borough[19]
- แคลิฟอร์เนีย หาดทรายดำ Lost coast[20]
- ฮาวาย บนเกาะฮาวายประกอบด้วยหาดทรายดำ Pololu Valley หาดทรายดำ Kehena หาดทรายดำ Kaimu และหาดทรายดำ Punaluu [21] บนเกาะมออิประกอบด้วยหาดทรายดำ Oneuli[22] หาดทรายดำ Honokalani[23] และหาดทรายดำ Waianapanapa[24] ซึ่งมีความสวยงามที่ล้วนติดอันดับหาดทรายดำสวยงามสิบอันดับของโลก[25]
- เฮติ หาดทรายดำ Congo เมือง Jacmel ทะเลแคริบเบียน[26]
- ตาฮีตี หาดทรายดำบนเกาะตาฮีตี[27] ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะโซไซเอตีของเฟรนช์โปลินีเซีย ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก
- หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หาดทรายดำ Pagan[28] ทางตอนเหนือของหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก
- รัสเซีย หาดทรายดำที่คาบสมุทรคัมชัตคา[29]
- เกาหลีใต้ หาดทรายดำ Samyang ที่เกาะเชจู[30]
- ญี่ปุ่น หาดทรายดำในจังหวัด Hyuga ที่เกาะคีวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่น[31]
- ไต้หวัน หาดทรายดำ Jici เมือง Hualien อุทยานแห่งชาติ Taroko[32]
- ฟิลิปปินส์ หาดทรายดำที่ Bacacay, Sto. Domingo และ Tiwi[33] เมือง Legazpi ของจังหวัด Albay รวมถึงหาดทรายดำที่เมือง Buguey จังหวัด Cagayan ที่เกาะลูซอน และหาดทรายดำที่เกาะเนโกรส[34] และหาดทรายดำที่หมู่บ้าน Ajuy[35] ในจังหวัดอีโลอีโล (Iloilo) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะปาไนย์
- อินโดนีเซีย หาดทรายดำ Kusamba[36] และหาดทรายดำ Soka[37] ที่เกาะบาหลี หาดทรายดำ Kukup และหาดทรายดำ Baron[38] ที่เกาะชวา
- มาเลเซีย หาดทรายดำที่เกาะลังกาวี[39]
- ไทย หาดทรายดำแหลมงอบ จังหวัดตราด[40]
- นิวซีแลนด์ หาดทรายดำ Taranaki และหาดทรายดำใกล้กับ Kawhia หาดทรายดำ Piha[41]เกาะเหนือบนชายฝั่งทะเลแทสมัน
- กรีซ หาดทรายดำ Perissa[42] หาด Vourvoulos และหาด Baxedes บนเกาะ Santorini
- อิตาลี หาดทรายดำบนหมู่เกาะอีโอเลีย (Aeolian Islands)[43] ใกล้กับเกาะซิซิลี
- นอร์เวย์ หาดทรายดำที่เกาะยานไมเอนและหมู่เกาะสฟาลบาร์ในมหาสมุทรอาร์กติก
- โปรตุเกส หาดทรายดำบนหมู่เกาะอะโซร์ส[44] และหมู่เกาะมาเดรา[45] ในมหาสมุทรแอตแลนติก
- สเปน หาดทรายดำ Arena ที่เกาะเตเนริเฟ[46] ของกานาเรียสในมหาสมุทรแอตแลนติก
- ไอซ์แลนด์ หาดทรายดำใกล้เมือง Vik[47] ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ในมหาสมุทรแอตแลนติก
- กาบูเวร์ดี หาดทรายดำที่เกาะเซาฟึลีปึ (São Filipe)[48] ของกาบูเวร์ดีในมหาสมุทรแอตแลนติก
- แอนตาร์กติกา หาดทรายดำบนเกาะ Deception[49] นอกชายฝั่งแอนตาร์กติกา
หาดทรายดำในประเทศไทย
[แก้]สำหรับในประเทศไทยมีการพบหาดทรายดำบริเวณแนวชายฝั่งจากบ้านยายม่อมต่อเนื่องไปทางทิศตะวันออกไปเป็นระยะทางประมาณ 900 เมตรอยู่ในเขตสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (น้ำเชี่ยว ตราด) อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ที่พบตะกอนทรายดำสะสมตัวอยู่บนพื้นโคลนชายฝั่งทะเลทั้งนอกชายฝั่งออกไปและในเขตพื้นที่ป่าชายเลน
ในปี พ.ศ. 2553 วิฆเนศ ทรงธรรม และคณะ[50] และ เจนจิรา สระทองยุ้ง[51] ได้รายงานผลการศึกษาวิจัยการสะสมตัวของทรายดำที่อำเภอแหลมงอบ ด้วยการเก็บตัวอย่างทรายดำและทำการร่อนคัดแยกขนาดของเม็ดตะกอนและศึกษารูปร่างและขนาดของเม็ดตะกอนด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราด พบว่าเม็ดทรายส่วนใหญ่มีขนาดทรายละเอียดและมีรูปร่างเป็นทรงกลมถึงรูปร่างทรงไข่ มีพื้นผิวตะกอนเรียบ จากผลการวิเคราะห์ด้วย XRD ของตะกอนทรายดำพบว่ามีองค์ประกอบเป็นแร่เหล็กออกไซด์ชนิดเกอไทต์ (Goethite, FeO(OH))และแร่ควอตซ์ (SiO2) จากการศึกษาตัวอย่างหินโผล่ใต้ทะเลใกล้ชายฝั่งที่คาดว่าจะเป็นหินต้นกำเนิดทรายดำจากแผ่นหินบางด้วยกล้องจุลทรรศน์พบว่าส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยผลึกของแร่ควอตซ์ขนาดจุลทั้งชนิดปฐมภูมิและทุติยภูมิและมีร่องรอยของเหล็กออกไซด์ทุติยภูมิ จากการวิเคราะห์ตัวอย่างหินหาองค์ประกอบทางเคมีด้วยเครื่อง XRF พบว่าหินประกอบไปด้วยซิลิกาถึงร้อยละ 96 และมีเหล็กออกไซด์ปะปนอยู่ร้อยละ 1.93 กล่าวได้ว่าตัวอย่างหินนั้นเป็นหินเชิร์ต
พบรูปแบบการตกสะสมตะกอนในพื้นที่ระหว่างแนวหินโสโครกกับแนวชายฝั่ง แบ่งออกได้เป็น 4 โซนเรียงลำดับจากแนวหินโสโครกถึงแนวชายฝั่งป่าชายเลนคือ โซนเศษตะกอนแตกหัก โซนตะกอนลูกรังสีน้ำตาลเหลือง โซนทรายดำบนพื้นโคลนชายฝั่ง และโซนทรายดำในป่าชายเลน จากรูปแบบการตกสะสมตะกอนนี้และจากผลการวิเคราะห์ตัวอย่างหินและตะกอนทรายดำแปลความหมายได้ว่า ในช่วงแรกเหล็กจะละลายออกมาจากหินเชิร์ตก่อน เกิดเป็นผลผลิตจากการผุพังที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบ แล้วต่อมาเกิดการตกสะสมตัวเป็นแร่เฟอริฮายไดรต์ (Ferrihydrite, 5Fe2O3.9H2O) และ/หรือแร่วัสไทต์ (Wustite, FeO) แล้วท้ายที่สุดก็เกิดการผุพังกลายเป็นทรายซิลิกาที่มีแร่เหล็กเกอไทต์พอกตัวอยู่เป็นตะกอนรูปทรงกลมถึงรูปทรงไข่ การผุพังสลายตัวของแนวหินโสโครกนี้ เกิดจากคลื่นทะเลที่พัดไปในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ ควบคู่ไปกับอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลงได้พัดพาเอาตะกอนทรายดำไปตกสะสมตัวเป็นชั้นบาง ๆ บริเวณพื้นโคลนชายฝั่ง แล้วบางส่วนถูกพัดพาต่อเนื่องไปสะสมตัวเป็นชั้นตะกอนทรายดำที่หนากว่าที่บริเวณขอบแนวป่าชายเลนใต้ต้นโกงกางเป็นระยะทางประมาณ 900 เมตร และกว้างประมาณ 2–4 เมตร
หาดทรายดำที่แหลมงอบถือเป็นชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยมีรายงานการค้นพบมาก่อน กล่าวคือไม่ได้เป็นชนิดที่ตกสะสมตัวแบบเพลเซอร์ และไม่ได้เป็นชนิดที่เกิดจากการระเบิดของลาวาร้อนเมื่อไหลไปสัมผัสกับน้ำทะเล แต่เป็นชนิดที่เกิดจากการผุพังทางเคมีจากหินที่มีแร่เหล็กเป็นองค์ประกอบ โดยมีปฏิกิริยาการพอกตัวของแร่เหล็กชนิดเกอไทต์ลงบนพื้นผิวของตะกอนทรายซิลิกาขนาดละเอียด เกิดเป็นตะกอนทรายสีดำแกมน้ำตาลที่มีรูปทรงกลมมน
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Lyn Topinka, บ.ก. (2 กรกฎาคม 2009). "DESCRIPTION: Magma, Lava, Lava Flows, Lava Lakes, etc". USGS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Black Sand". USGS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 มกราคม 2017. สืบค้นเมื่อ 16 กันยายน 2009.
- ↑ "What are iron sands ?". Trans-Tasman Resources. 13 พฤษภาคม 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 พฤษภาคม 2010. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2009.
- ↑ Simon Nathan (12 มิถุนายน 2006). "Page 3. Metals known but not mined". Story: Mining and underground resources. Te Ara - the Encyclopedia of New Zealand.
- ↑ "Call for protest: "South Koreans illegally mining (Philippine) beaches."". Rose Margaret Galang-Monis. 4 มิถุนายน 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 ตุลาคม 2013.
- ↑ "Monterrico, Guatemala Photo Gallery". About.com – Central America Travel. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-13. สืบค้นเมื่อ 2009-09-05.
- ↑ Dan (28 กรกฎาคม 2007). "More On Black Sand Beach and Its Environment". Dominica Weekly.
- ↑ "Cabinas Black Sands Beach House, Puerto Viejo, Costa Rica". 26 มีนาคม 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มีนาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
- ↑ smhirsch (17 มิถุนายน 2006). "Pacific Coast, sailing, snorkeling". TravBuddy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 ตุลาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2009.
- ↑ "St.Kitts Volcanic Black Sand". TradeKey.com. 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 กันยายน 2012.
- ↑ "Playa Negrita / Black Sand Beach, Vieques Island, Puerto Rico". Vieques Travel Guide.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 พฤษภาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2009.
- ↑ Lukas Hlavac. "Black sand beach on Isla de Ometepe, Nicaragua". fotolia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 กรกฎาคม 2012.
- ↑ Philippe Gelaude (14 พฤษภาคม 2007). "Anse Céron". TrekEarth. MH Sub I.
- ↑ Jesse Marks; Jonah Marks (2020). "Black Sand Beach – Vila do Abraão, Brazil". The Touch of Sound.
- ↑ "Black Beach - Floreana, Galapagos Islands". Dana Tours.
- ↑ Ellen. "Playa El Tunco". TravelBlog.
- ↑ "Playa grande de Pucón". Turismo Pucón.
- ↑ QT Luong (2003). "Kayaking gear on Black Sand Beach. Prince William Sound, Alaska, USA". terragalleria.com.
- ↑ "US Beaches > Alaska > Black Sand Beach". goingoutside.com. Stratus-Pikpuk.
- ↑ QT Luong (2004). "Backpacking on black sand beach, Lost Coast. California, USA". terragalleria.com.
- ↑ Clark, J.R.K. (กันยายน 1985). Beaches of the Big Island. University of Hawaii Press. 186 หน้า. ISBN 978-0-8248-0976-8.
- ↑ "Oneuli Black Sand Beach". Maui Guidebook.com.
- ↑ "Honokalani Black Sand Beach". johnandkristie.com. 9 กันยายน 2007.
- ↑ "Wai'anapanapa Black Sand Beach". To-Hawaii.com.
- ↑ Ash Grant (12 พฤศจิกายน 2008). "Top 10 Black Sand Beaches". TopTenz.
- ↑ "Jacmel Guide Overview". Professional Travel Guide. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 สิงหาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
- ↑ "Tahiti and French Polynesia - Black Sand Beach". About.com – Cruises. 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 กรกฎาคม 2010. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Pagan, black sand beaches, Northern Marianas Islands (uninhabited)". Panoramio. 15 กรกฎาคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 ตุลาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2009.
- ↑ Lauren Hertel (9 ตุลาคม 2006). "Black sand beach in Kamchatka last week".
- ↑ CatLever (3 สิงหาคม 2009). "Jeju city beaches offer easy escape". The Jeju Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 ธันวาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
- ↑ "Black Sand Beach in Minami-Hyuga". Traveljournals.net. 17 กันยายน 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 เมษายน 2009. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
- ↑ "Jici beach". Beach-on-Map.com. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2022.
- ↑ "Albay Black Sand Beaches". Province of Albay. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 มิถุนายน 2009. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
- ↑ "Top 5 Black Sand Beaches in the Philippines". The Philippines Tourism Board.
- ↑ "Ajuy, Fuerteventura". Sunny Fuerteventura. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มกราคม 2009. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
- ↑ "Black Sandy Beach That Stores Memories, Kusamba Klungkung Beach". Visit Bali.
- ↑ "Soka Beach: The Hiddden Beauty In Tabanan". Visit Bali.
- ↑ Irianti 2525. "Kukup Beach Yogyakarta". Trip.com. สืบค้นเมื่อ 27 October 2022.
- ↑ Ibrahim, N. (เมษายน 1994). "Isotope identification of Langkawi black sand using neutron activation analysis". Journal of Radioanalytical and Nuclear Chemistry. 186 (6): 489–494.
- ↑ "หาดทรายดำ (Black sand beach)". ชมรมครูกระโจมทอง จังหวัดตราด. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 เมษายน 2001. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2001.
- ↑ Briggs, R.M., Laurent, J.C., Hume, T.M., and Swales, A. (2009). "Provenance of black sands on the west coast, North Island, New Zealand". AusIMM New Zealand Branch Annual Conference. pp. 41–50.
- ↑ "Perissa Beach". GreekLandscapes.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2010. สืบค้นเมื่อ 19 กันยายน 2009.
- ↑ Dorcadion Team (29 มิถุนายน 2009). "The Black Sand Beach / La Spiaggia Sabbia Nera at Vulcano Island (Aeolian Islands, Sicily)". Waymarking.com.
- ↑ Roy McGrail (29 มิถุนายน 2006). "Black sands - Azores". flickr.
- ↑ Hélder Cotrim (11 มิถุนายน 2008). "Praia de Seixal. Madeira, Costa Norte". flickr.
- ↑ "Los Gigantes, Puerto de Santiago & Playa de la Arena". Canary Islands Hotels. 25 สิงหาคม 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 ตุลาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Black sand beach in Iceland near Vik". Rhett Butler. 2006.
- ↑ sixthland (2 เมษายน 2008). "Black sand at São Filipe, Fogo". flickr.
- ↑ R A Ford (28 ธันวาคม 2006). "Deception Island". Blogging Antarctica.
- ↑ วิฆเนศ ทรงธรรม; เจนจิรา สระทองยุ้ง; สุจินตนา ชมพูศรี; Dallas C. Mildenhall; สุชาดา ศรีไพโรจน์ธิกูล; เสาวนีย์ เสียมไหม; เบญจมา คมวงษ์เทพ; จงกลณี ขันมณี (2010). การกำเนิดหาดทรายดำ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด. กรมทรัพยากรธรณี. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-27. สืบค้นเมื่อ 2022-10-27. 48 หน้า.
- ↑ เจนจิรา สระทองยุ้ง (2553). การวิเคราะห์ตะกอนวิทยาและธรณีเคมี เพื่อเปรียบเทียบหาแหล่งกำเนิดและหาทิศทางการสะสมตะกอนของหาดทรายดำ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด. โครงงานทางธรณีศาสตร์ สาขาวิชาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
บรรณานุกรม
[แก้]- Cudennec, Y. and Lecerf, A. (2006). The transformation of ferrihydrite into goethite or hematite, revisited. Journal of Solid State Chemistry 179(3): 716–722.
- Schwertmann, U. and Murad, E. (1983). Effect of pH on the formation of goethite and hematite from ferrihydrite. Clays and Clay Minerals 31(4): 277–284.
- Scheidegger, A., Borkovec, M. and Sticher, H. (สิงหาคม 1993). Coating of silica sand with goethite: preparation and analytical identification. Geoderma 58: 43–65. doi:10.1016/0016-7061(93)90084-X. S2CID 96571993.
- Songtham, W., Sratongyung, J., Chompusri, S. และคณะ (2011). Provenance of a black sand beach in Laem Ngob district, Trat province, eastern Thailand. Journal of the Geological Society of Thailand 1: 1–6. ISSN 1513-2587.
- Yokoyama, T. and Nakashima, S. (2005). Color development of iron oxides during rhyolite weathering over 52,000 years. Chemical Geology 219: 309–320. doi:10.1016/j.chemgeo.2005.03.005.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ทรายดำ