ข้ามไปเนื้อหา

ดังกิ้นโดนัท

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ดังกิ้นโดนัท สาขาสยามสแควร์

ดังกิ้นโดนัท (อังกฤษ: Dunkin' Donuts) เป็นร้านจำหน่ายโดนัท คุกกี้ แฟนซีโดนัท มันช์กิ้นส์ มัฟฟิน แซนด์วิช และเครื่องดื่มเช่นน้ำพันซ์ต่างๆ เจ้าของลิขสิทธิ์คือ ดังกิ้น โดนัท คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกา[1] ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 1948 โดยมิสเตอร์วิลเลียม โรเซนเบิร์ก ปัจจุบันมีร้านมากกว่า 12,900 แห่งใน 42 ประเทศทั่วโลก[2] ในเอเชียมีสาขาอยู่ในประเทศไทย มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน และฟิลิปปินส์

ในประเทศไทย ได้มีการก่อตั้งบริษัท ดังกิ้นโดนัท (ประเทศไทย) โดยนายอาจิต รากาฟ เปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ เมื่อปี พ.ศ. 2524 และสาขาที่สองที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง และห้างสรรพสินค้าแห่งแรกที่ดังกิ้น โดนัทได้เข้าไปเปิดสาขา คือห้างพาต้า ปิ่นเกล้า ซึ่งในปัจจุบันนั้น ดังกินโดนัท มีสาขาในประเทศไทยจำนวนกว่า 294 สาขา

ประวัติ

[แก้]

ค.ศ. 1948-2004: ยุคแรกของการก่อตั้ง

[แก้]
สาขาแรกของร้านดังกิ้นโดนัทในรัฐแมสซาชูเซตส์ภายหลังจากได้รับการปรับปรุงในปี 2000

วิลเลียม โรเซนเบิร์ก ได้เปิดร้าน "Open Kettle" ใน ค.ศ. 1948 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ขายโดนัทและกาแฟในเมือง Quincy รัฐแมสซาชูเซตส์ แต่เขาเปลี่ยนชื่อในปี 1950 เป็นดังกิ้นโดนัท (Dunkin' Donuts) หลังจากพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัท[3][4] เขาได้คิดไอเดียสำหรับร้านอาหารนี้หลังจากได้รับประสบการณ์การขายอาหารในโรงงานและในบริเวณไซต์คนงานก่อสร้าง ซึ่งโดนัทและกาแฟเป็นสินค้ายอดนิยมที่สุดสองรายการ และร้านอาหารนี้ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและโรเซนเบิร์กได้ขายแฟรนไชส์ให้กับผู้อื่นต่อในปี 1955[5]

ในปี 1963 โรเบิร์ต ลูกชายของโรเซนเบิร์กได้เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทเมื่ออายุ 25 ปี และดังกิ้นโดนัทก็เปิดสาขาที่ 100 ในปีนั้น โดยดังกิ้นโดนัทเป็นบริษัทในเครือของ Universal Food Systems ในขณะนั้นซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก 10 แห่งที่ให้บริการด้านอาหาร และร้านดังกิ้งโดนัทมีเมนูที่แตกต่างและหลากหลายกว่ามาก[6] โดยสาขาบางแห่งขายอาหารเช้าแบบเต็มรูปแบบ และบางแห่งให้บริการเฉพาะโดนัท และ กาแฟ

ในปีถัดมา ธุรกิจอื่นๆ ในเครือของ Universal Food Systems ถูกขายต่อและปิดตัวลง และ บริษัทได้เปลี่ยนชื่อกิจการทั้งหมดเป็น Dunkin' Donuts อย่างเต็มรูปแบบและมีการแนะนำรายการเมนูใหม่มากมาย ต่อมาบริษัทถูกซื้อกิจการโดย Allied Lyons เจ้าของ บาสกิ้น รอบบิ้นส์ (Baskin-Robbins) ในปี 1990 และภายในปี 1998 แบรนด์ได้เติบโตและขยายกิจการเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 สาขาทั่วโลกโดยมียอดขาย 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ดังกิ้นโดนัทขยายตัวขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1990 โดยมีบริษัทเครือข่ายที่สำคัญสองแบรนด์ได้แก่: Mister Donut และ Dawn Donuts[7]

ค.ศ. 2004-ปัจจุบัน: ยุคแห่งการเติบโตและความสำเร็จ

[แก้]

ในปี 2004 สำนักงานใหญ่ของบริษัทได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองแคนตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ในเดือนธันวาคม 2005 ดังกิ้นโดนัท และ บาสกิ้น รอบบิ้นส์ (ซึ่งในขณะนั้นดำเนินการภายใต้ชื่อ Dunkin' Brands) ถูกขายให้กับกลุ่มบริษัทไพรเวทอิควิตี้ของ Bain Capital, Carlyle Group และ Thomas H. Lee Partners เป็นเงิน 2.4 พันล้านดอลลาร์[8] ภายในปี 2010 ยอดขายทั่วโลกของดังกิ้นโดนัทอยู่ที่ 6 พันล้านดอลลาร์[9] ดังกิ้นโดนัทในเมืองนาติค รัฐแมสซาชูเซตส์ ได้เปิดตัวโปรแกรมเพื่อทดสอบแนวคิดการขายแบบริมทาง (Curbside pickup) ในเดือนธันวาคม 2016[10] กล่าวคือ เป็นร้านค้าที่ลูกค้าสามารถจอดรถยนต์หน้าร้านกาแฟแล้วพนักงานนำเครื่องดื่มที่สั่งมาให้ตามการสั่งซื้อล่วงหน้า[11]

ร้านดังกิ้นโดนัทในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา

ในเดือนมกราคม 2018 ดังกิ้นโดนัทได้เริ่มนำแนวคิดใหม่ๆมาใช้ในการบริหาร โดยเริ่มต้นที่เมือง Quincy โดยมีการตกแต่งที่ทันสมัย ​​มีเครื่องดื่มเย็น ๆ และ บริการเบียร์ พร้อมทั้งเพิ่มตัวเลือกบรรจุภัณฑ์แบบสั่งกลับบ้านที่มากขึ้น และช่องทางการรับสินค้าโดยเฉพาะสำหรับการสั่งซื้อผ่านมือถือ และ การบริการไดรฟ์ทรู แนวคิดนี้อธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็น "แบรนด์เครื่องดื่มที่นำติดตัวไปทุกที่" นอกจากนี้ สาขาต่างๆในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มทดลองทำป้ายชื่อร้านว่า "ดังกิ้น" ย่อมาจากชื่อเต็ม "ดังกิ้นโดนัท"[12][13] ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ดังกิ้นได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้ถ้วยโฟมโพลีสไตรีนทั่วโลกเพื่อจุดประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมภายในเดือนเมษายน 2020[14][15][16]

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2018 เดฟ ฮอฟแมน เข้ามารับช่วงต่อจาก ไนเจล ทราวิส เพื่อเป็น CEO คนใหม่ โดยเขาต้องการเพิ่มสาขาใหม่ของร้านจำนวน 1,000 แห่งภายนอกภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปี 2020 และต้องการทำกำไรเพิ่มขึ้น 3%[17] สำหรับสาขาที่เปิดบริการมาอย่างน้อยหนึ่งปีหรือนานกว่านั้น ในช่วงปลายปี 2018 ดังกิ้นได้ติดตั้งเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซในเกือบทุกสาขาและทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เอสเพรสโซโดยใช้สูตรใหม่[18]

ในเดือนมิถุนายน 2019 ดังกิ้นได้ร่วมมือกับ Grubhub เพื่อเริ่มให้บริการ Dunkin' Delivers ในการจบริการแบบจัดส่งให้แก่ลูกค้าตามสถานที่[19] ต่อมาในเดือนกรกฎาคมปี 2019 ดังกิ้นได้ร่วมมือกับ Beyond Meat ในการเปิดตัวแซนด์วิชอาหารเช้าแบบไม่มีเนื้อสัตว์ในแมนฮัตตัน และกลายเป็นแบรนด์ร้านอาหารแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่ให้บริการ Beyond Sausage[20]

ในเดือนตุลาคม 2020 Dunkin' Brands ระบุว่าบริษัทกำลังเจรจากับ Inspire Brands ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากไพรเวทอิควิตี้เพื่อเจรจาขายบริษัทรวมถึงความเป็นไปได้จะทำให้ดังกิ้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Inspire Brands และมีการประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2020 โดย Inspire Brands Inc. ว่าพวกเขาจะเข้าซื้อกิจการ Dunkin’ Brands Group Inc. ในราคา 11.3 พันล้านดอลลาร์ โดยจะจ่ายเป็นเงินสด 106.50 ดอลลาร์สำหรับหุ้นของ Dunkin’ Brands ทั้งหมด[21] เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2020 การเข้าซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ โดยที่ดังกิ้น, บาสกิ้น รอบบิ้นส์ และมิสเตอร์โดนัทได้อยู่ภายใต้การบริหารของ Inspire Brands อย่างเบ็ดเสร็จ[22]

การตลาด

[แก้]

สโลแกนปัจจุบันของบริษัทคือ "America Runs on Dunkin'" ในเดือนมีนาคมปี 2009 บริษัทได้เปิดตัวสโลแกน "You 'Kin Do It!" และบริษัทได้มีแคมเปญสำคัญซึ่งเป็นโฆษณามูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ "It's Worth the Trip" ในช่วงทศวรรษ 1980 โดยมีตัวมาสคอตคือ "เฟร็ด เดอะ เบเกอร์" และนำเสนอวลีที่ว่า "Time to make the donuts" โดยได้รับรางวัลเกียรติยศจากสำนักโฆษณาโทรทัศน์ให้เป็นหนึ่งในห้าโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ดีที่สุดของปี 80 เฟร็ด เดอะ เบเกอร์ รับบทโดย ไมเคิล เวล นักแสดงชายเป็นระยะเวลา 15 ปี จนกระทั่งเขาเกษียณอายุในปี 1997 ประโยคนี้ถูกนำใช้ในชื่อหนังสืออัตชีวประวัติของผู้ก่อตั้ง วิลเลียม โรเซนเบิร์ก Time to Make the Donuts: The Founder of Dunkin' Donuts Shares an American Journey

บริษัทเปลี่ยนสโลแกนในเดือนมีนาคมปี 2006 เป็น "America Runs on Dunkin'" และ เพลง They Might Be Giants ถูกนำเสนอในชุดโฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายช่วงฤดูร้อน ในปี 2007 โฆษณาชุดหนึ่งได้กล่าวถึงภาษาที่สมมติขึ้นว่า "Fritalian เป็นภาษาฝรั่งเศส หรือ อิตาเลียน?" เพื่อ "ล้อเลียนคอกาแฟสไตล์สตาร์บัคส์กับลูกค้าที่พยายามสั่งเมนูลาเต้ที่ออกเสียงยาก"[23] และโฆษณาดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นการจงใจล้อเลียนสตาร์บัคส์ ประโยคเด็ดของโฆษณาคือ "ลาเต้แสนอร่อยจาก Dunkin' Donuts คุณสามารถสั่งเป็นภาษาอังกฤษ" มีการอภิปรายกันว่าลาเต้ คาปูชิโน่ และเอสเปรสโซเป็นคำยืมมาจากภาษาอิตาลีซึ่งไม่มีความเท่าเทียมกันในภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม โฆษณาดังกล่าวอ้างถึงเมนูของสตาร์บัคส์เอง โดยล้อเลียนคำพูด เช่น แกรนด์และเวนติ ในปี 2017 บริษัทประกาศว่าจะเริ่มทดสอบให้สาขาต่าง ๆ มีชื่อเรียกง่าย ๆ ว่า "ดังกิ้น" เนื่องจากพวกเขาต้องการให้คิดว่าร้านเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับกาแฟ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรได้มากที่สุด การสร้างแบรนด์จะดำเนินการในสถานที่อื่นในช่วงไตรมาสหลังของปี 2018 และหากประสบความสำเร็จ แบรนด์ดังกล่าวประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นที่รู้จักในชื่อ Dunkin' ในเดือนกันยายน 2018[24] เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2018 ดังกิ้นได้ร่วมมือกับ Saucony ผู้ผลิตรองเท้าในรัฐแมสซาชูเซตส์เพื่อผลิตรองเท้าวิ่งในธีมโดนัทที่มีน้ำค้างแข็งเป็นลายสตรอเบอร์รี่เพื่อรำลึกถึงการวิ่งบอสตันมาราธอนครั้งที่ 122

โลโก้

[แก้]

ดังกิ้นโดนัทวางแผนตัดคำว่า Donuts ออกจากบรรจุภัณฑ์ โฆษณาและโลโก้ โดยนโยบายดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคมปี 2019 ซึ่งจะเริ่มเปลี่ยนชื่อในบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ โดยจะเริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ในผลิตภัณฑ์ที่วางขายในสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นประเทศแรก และหลังจากนั้นจะทยอยเปลี่ยนให้ครบ 12,500 สาขาทั่วโลก บริษัทระบุว่า โลโก้ใหม่จะยังคงสีและรูปแบบของอักษรเหมือนเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1973 เพียงแค่ตัดคำว่า 'โดนัท' ออกเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและเป็นเอกลักษณ์[25]

การขยายตลาด

[แก้]
  • ในเดือนมิถุนายน 2013 บริษัทได้เปิดตัวการออกแบบร้านใหม่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบเจ็ดปี[26]
  • ดังกิ้นโดนัทกลับสู่ตลาดในสหราชอาณาจักรในเดือนมกราคม 2014 โดยเปิดร้านอาหารใน Harrow เขตเลือกตั้งทางตะวันตกเฉียงเหนือของลอนดอน ประเทศอังกฤษ[27]
  • ในเดือนพฤษภาคม 2014 ดังกิ้นเปิดเผยแผนการที่จะเปิดสาขา 20-25 แห่งในเดนมาร์ก[28], 20-25 สาขาในฟินแลนด์[29] และ 30 สาขาในสวีเดน[30]
  • ในเดือนพฤศจิกายน 2014 ดังกิ้นเปิดสาขาแรกในเมือง Kanpur ประเทศอินเดียภายใน Z Square Mall[31]
  • ในเดือนกันยายนปี 2015 Roland Zanelli เจ้าของลิขสิทธิ์ดังกิ้นโดนัทในสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศเปิดกิจการสองสาขาแรกในเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2015 ตามด้วยการเปิดสาขามากถึง 60 แห่งทั่วประเทศ[32]

ประวัติการดำเนินกิจการในประเทศไทย

[แก้]

ดังกิ้นโดนัทเปิดดำเนินกิจการ สาขาแรกที่สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2524 (ค.ศ.1981)[33] นับตั้งแต่วันนั้น บริษัทได้เติบโตอย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลา 35 ปี และมีสาขากระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ กว่า 280 สาขา ใน 47 จังหวัดทั่วประเทศและเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดโดนัทที่มีการพัฒนาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]



อ้างอิง

[แก้]
  1. "Bloomberg - Are you a robot?". www.bloomberg.com. {{cite web}}: Cite ใช้ชื่อทั่วไป (help)
  2. Wiener-Bronner, Danielle (2018-09-25). "Dunkin' Donuts is officially dropping 'Donuts'". CNNMoney.
  3. Facebook; Twitter; options, Show more sharing; Facebook; Twitter; LinkedIn; Email; URLCopied!, Copy Link; Print (2002-09-23). "William Rosenberg, 86; Dunkin' Donuts Founder Pioneered Franchising Businesses". Los Angeles Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). {{cite web}}: |last= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  4. https://news.dunkindonuts.com/internal_redirect/cms.ipressroom.com.s3.amazonaws.com/285/files/201610/Dunkin%27%20Donuts%20History_11%203%2016.pdf
  5. Press, The Associated (2002-09-23). "William Rosenberg, 86, Founder of Dunkin' Donuts". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.
  6. Shook, Carrie; Shook, Robert L. (1993). Franchising : the business strategy that changed the world. Internet Archive. Englewood Cliffs, N.J. : Prentice Hall. ISBN 978-0-13-065608-7.
  7. "18 Jan 1992, Page 11 - Detroit Free Press at Newspapers.com". Newspapers.com (ภาษาอังกฤษ).
  8. Atlas, Riva D. (2005-12-13). "Parent of Dunkin' Donuts Sold for $2.4 Billion to Equity Firms". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.
  9. "Dunkin' Donuts | About Us". web.archive.org. 2011-07-26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-26. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  10. "Dunkin' Donuts begins test of new curbside pickup". Boston Herald (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2016-12-12.
  11. "Dunkin' Donuts Is Testing Curbside Pickup Service" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2016-12-12.
  12. Staff, Nestor Ramos Globe; November 17; 2017; Comments, 12:03 p m Email to a Friend Share on Facebook Share on TwitterPrint this Article View. "Now in Boston: Dunkin' without the Donuts - The Boston Globe". BostonGlobe.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). {{cite web}}: |first4= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์)
  13. "Dunkin' Donuts Unveils 'Beverage-Led' Store of the Future". Convenience Store News (ภาษาอังกฤษ).
  14. CNN, Ryan Prior. "Conscious un-cup-ling: Dunkin' is breaking up with foam coffee cups". CNN.
  15. "Dunkin' is saying bye-bye to those styrofoam coffee cups". TODAY.com (ภาษาอังกฤษ).
  16. Sanicola, Laura (2018-02-07). "Dunkin' Donuts pledges to ditch foam cups". CNNMoney.
  17. Staff, Jon Chesto Globe; July 11; 2018; Comments, 6:31 p m Email to a Friend Share on Facebook Share on TwitterPrint this Article View. "New Dunkin' CEO charts a path for growth - The Boston Globe". BostonGlobe.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). {{cite web}}: |first4= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์)
  18. Whitten, Sarah (2018-11-13). "Dunkin' says its new espresso is so good, 'you don't have to go to Starbucks'". CNBC (ภาษาอังกฤษ).
  19. "Dunkin' Delivers Through Grubhub In Select Parts Of The U.S. Now". Bustle (ภาษาอังกฤษ).
  20. Lucas, Amelia (2019-07-24). "Dunkin' adds Beyond Meat's sausage to its menu, starting in New York". CNBC (ภาษาอังกฤษ).
  21. Staff, Jon Chesto Globe; October 30, Updated; 2020; Comments, 11:21 p m Email to a Friend Share on Facebook Share on TwitterPrint this Article View. "Dunkin' Brands to go private in $11.3 billion deal with owner of Arby's and Sonic - The Boston Globe". BostonGlobe.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). {{cite web}}: |first4= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์)
  22. "Inspire Brands Completes Acquisition of Dunkin' Brands". www.businesswire.com (ภาษาอังกฤษ). 2020-12-15.
  23. "Adweek" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  24. Maheshwari, Sapna (2018-09-25). "Hold the Donuts, Says Newly Named Dunkin'". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.
  25. Ltd.Thailand, VOICE TV. "Dunkin' Donuts จ่อตัดคำว่า 'Donuts' สร้างแบรนด์ เพิ่มสินค้าใหม่". VoiceTV.
  26. "Dunkin' Donuts Adds Jazz to Get Less Pit and More Stop - Bloomberg". web.archive.org. 2013-06-09. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-09. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  27. "Dunkin' Donuts returns to UK with first store in Harrow". Harrow Times (ภาษาอังกฤษ).
  28. "Kæmpe donut-kæde åbner i Danmark - Hotel & Restaurant - Turisme & Fritid - Brancher". web.archive.org. 2014-04-24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  29. "Taloussanomat". Ilta-Sanomat (ภาษาฟินแลนด์).
  30. "Dunkin Donuts till Sverige". DN.SE (ภาษาสวีเดน). 2014-05-16.
  31. https://web.archive.org/web/20150326001802/http://www.jubilantfoodworks.com/wp-content/uploads/2014/11/Dunkin27-Donuts_Kanpur-launch-PR_-28Nov14.pdf
  32. "Süsse Backwaren - Erster Dunkin' Donuts der Schweiz wird in Basel eröffnet". bz - Zeitung für die Region Basel (ภาษาเยอรมัน).
  33. "Dunkin Thailand | ดังกิ้น โดนัท ประเทศไทย | เกี่ยวกับเรา". dunkindonuts.co.th (ภาษาอังกฤษ).