อาซาเสะ ฮิบิกิ (ภาษาญี่ปุ่น:
คำอธิบายในวัตถุมงคล Shimenawa Reminiscence และชิ้น Storm Cage ในกลุ่มวัตถุมงคล Emblem of Severed Fate ต่างถูกเล่าผ่านมุมมองของฮิบิกิ นางยังเคยเป็นผู้ใช้ธนู Hamayumi และต่อมาได้รับ Thundering Pulse มาไว้ในครอบครองเป็นของเดิมพันชีวิตทากามิเนะ
โปรไฟล์[]
อุปนิสัย[]
ในสมัยยังละอ่อน นางฮิบิกิมีนิสัยดั่งบ้านนอกเข้ากรุงผู้ "ดื้อรั้นหุนหันพลันแล่นและอยากรู้อยากเห็นเป็นเด็กๆ" คอยแต่กังขาถ้อยคำปริศนาของนางจิ้งจอกไซกู นางยังมีนิสัยปากไม่ตรงกับใจเมื่ออยู่ต่อหน้าทากามิเนะ เอาแต่ต่อว่าชายหนุ่มว่า "เจ้าคนบ้า" และ "คนเถื่อนหยาบคายไม่ยั้งคิด" เพื่อซ่อนความรู้สึกของนางจากอีกฝ่าย ต่อมาท่านหญิงเนโกะจะเอาชื่อคนบุมารุ (ชื่อเล่นทากามิเนะ) ไปตั้งชื่อให้แมวในอาณัติอีกหลายตัวเนื่องจากจำได้ว่าสีหน้าฮิบิกิจะเบิกบานทุกครั้งที่กล่าวถึงชื่อ โจรสลัดอาโกะ โดเมกิ เคยกล่าวเอาไว้ว่านางเป็นคนประเภท "ขี้กลัวแถมขี้บ่น"
เนื้อเรื่อง[]
ในวัยเยาว์ฮิบิกิได้เดินทางจากศาลเจ้าบ้านเกิดเข้าไปยังศาลเจ้านารุกามิ ถึงจะยังมีความตะขิดตะขวงใจกับนางจิ้งจอกไซกูในเริ่มแรก ต่อมานางได้มีความเคารพสตรีอีกฝ่ายเป็นยิ่ง ในช่วงเวลานี้นางยังได้หัดคุ้นเคยใกล้ชิดกับนายทากามิเนะ ผู้ซึ่งนางชอบเรียกว่า "เจ้าบ้าคนบุมารุ" เพราะไม่อยากให้รู้ว่ามีใจให้แก่เขา สุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความรู้สึกให้แก่กัน และยิ่งใกล้ชิดแน่นแฟ้น ทากามิเนะได้สอนวิชาเกาทัณฑ์เท็งงุที่ตัวเองเรียนมาให้กับฮิบิกิ และฮิบิกิได้ให้สัญญาอันเป็นความลับแก่ทากามิเนะข้อหนึ่ง
ในเวลาต่อมาทากามิเนะได้รับลาภยศขึ้นเป็นนายทหารฮาตาโมโตะในโชกุนอสนีบาตบาอัล และถึงแม้ตนเองจะมีใจรักฮิบิกิ ทากามิเนะเลือกที่จะวิวาห์บุตรสาวของนายทหารระดับสูงแทน ฮิบิกิเองเคยแสดงความเป็นห่วงว่าถึงจะมีศักดิ์เป็นนายทหารยศสูงแต่ทากามิเนะไม่เคยแก้ไขนิสัยเร่ร่อนเป็นนักพนันของตัวเองได้หายแม้แต่น้อย
วันมหาหายนะ[]
เมื่อหายนะคืบคลานมาถึงแผ่นดินและพลังมืดเข้าคุกคามแผ่นดินTeyvat นายทากามิเนะและนางจิโยะจากตระกูลมิโกชิได้เป็นหนึ่งในผู้เปิดศึกทางไกลเคียงข้างพระนางบาอัลลงไปในอเวจี ทากามิเนะสัญญาอนาคตตนเองกับฮิบิกิโดยการยกธนูของตนแก่นางเป็นเดิมพันว่าจะกลับมาอย่างผู้ชนะ
อนิจจา อนาคตนี้จักเป็นจริงไม่ ทากามิเนะหายสาบสูญไปในการรบ นางจิโยะถูก "อสุรกายแห่งบาป" จับกลืน และถึงแม้สุดท้ายจะแก้เผ็ดฟันเอาตัวรอดออกมาจากท้องมันสำเร็จ ได้กลายเป็นคนบ้าและหันคมดาบใส่พระนางบาอัล การทุรยศที่ทำให้เกียรติยศของตระกูลมิโกชิต้องแปดเปื้อนและทำให้นายวิวากุระ โดเค ผู้เป็นลูกแท้ ๆ ถึงกับทิ้งนามสกุล และนายมิโกชิ นากามาสะ ผู้เป็นลูกบุญธรรมเลือกเป็นข้าราชการในรัฐบาลโชกุนเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล นางจิ้งจอกไซกูเองก็หายสาบสูญไปเช่นกัน ถูกพลังความมืดกัดกินสิ้นใจ นางหัวหน้าเท็งงุแห่งภูเขาโยโกผู้ทำหน้าที่คุ้มครองไซกูได้เนรเทศตัวเองหนีความละอาย และนักพรตคันนะการะ ฮารุโนะสึเกะ ได้ทอดทิ้งแผ่นดินอินาสึมะไปด้วยความโมโหโศกเศร้า
หลังจากวันมหาหายนะ[]
ในเวลาต่อมาหลังจากวันมหาหายนะจบลง ทากามิเนะกลับโผล่ออกมาจากอเวจีและเดินทางกลับมาอินาสึมะ แต่กลับถูกฮิบิกิเอาธนูยิงสังหาร มองการกระทำนี้ว่าเป็นการ " ช่วย"อดีตคนรัก
ต่อมาฮิบิกิได้เกษียณอายุกลับไปที่บ้านเกิดบนเกาะเซไร ทำหน้าที่จัดการศาลเจ้าอาซาเสะขนาดย่อมเยาพร้อมกับแมวคู่ใจนามว่าเนโกะและกัปตันเรือโจรสลัดนามว่าอาโก โดเมกิ นางเล่าถึงอดีตของตนเองและความฝันที่จะได้ออกไปเห็นโลกกว้าง หากแต่ไม่ได้กล่าวถึงชะตากรรมทากามิเนะและเพื่อนคนอื่น ๆ ของนางแต่อย่างใด
ในระหว่างเหตุการณ์กบฎบนเกาะเซไรโดยขุนโจรสลัดอาโก โดเมกิ หลายปีหลังจากวันมหาหายนะ ฮิบิกิเลือกจะเข้าพวกกับโดเมกิเนื่องจากลักษณะหน้าตาคล้ายทากามิเนะ ถึงแม้ว่าโดเมกิจะปฎิเสธไม่ให้ช่วยแล้วก็ตาม นางตัดสินใจที่จะใช้วิชาเวทย์ "ของแท้" ที่เรียนมาจากเหล่าโยโกเท็งงุเพื่อปลดผนึกกำแพงกั้นยักษ์อันจองจำพลังแค้นของ "ปักษาสีม่วง" และใช้พลังนี้ทำลายกองทัพเรือโชกุน ก่อให้เกิดมหันตภัยอันสร้างความพินาศให้กับเกาะเซไรมาจนปัจจุบัน
อาโก โดเมกิเอาชีวิตรอดมาได้พร้อมกะลาสีจำนวนหนึ่ง และถูกคลื่นพัดไปติดเกาะบนหมู่เกาะแอปเปิ้ลสีทอง หากทว่าอาซาเสะถูกการระเบิดกลืนกินหายสาบสูญไป ไม่มีใครได้พบเห็นอีก