Health Service System Standards Year 64
Health Service System Standards Year 64
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
มาตรฐานระบบบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
(สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน)
--------------------------------------------------
องค์ประกอบมาตรฐานระบบบริการสุขภาพ
มาตรฐานนี้ใช้สาหรับการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาและการประเมินสถานพยาบาล ซึ่งสามารถใช้ได้กับ
สถานพยาบาลทุกระดับ โดยเนื้อหาในมาตรฐานครอบคลุมใน 9 ด้าน ดังนี้
ด้านที่ 1 ด้านการบริหารจัดการ
ด้านที่ 2 ด้านการบริการสุขภาพ
ด้านที่ 3 ด้านอาคาร สถานที่และสิ่งอานวยความสะดวก
ด้านที่ 4 ด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านที่ 5 ด้านความปลอดภัย
ด้านที่ 6 ด้านเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
ด้านที่ 7 ด้านระบบสนับสนุนบริการที่สาคัญ
ด้านที่ 8 ด้านสุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ
ด้านที่ 9 ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
ด้านที่ 1
ด้านการบริหารจัดการ
กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กาหนดมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรฐาน
ด้านการบริหารจัดการสถานพยาบาลตามมาตรฐานสถานพยาบาลภายใต้กฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลพ.ศ.
2541 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยเน้นการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้รับบริการภายใต้การบริหาร
จัดการระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพของสถานพยาบาล ซึ่งมีรายละเอียดกิจกรรมที่ผู้ประเมินสามารถเทียบเคียง
กิจกรรมที่สถานพยาบาลดาเนินการอยู่จริงได้ในแบบประเมิน ดังนี้
1) นโยบายการจัดการคุณภาพ
1.1การสื่อสารจากผู้นา
ผู้ บ ริ ห ารทุกระดับ ทาหน้ าที่เป็ น ตัว แทนการเปลี่ ยนแปลงและการสื่ อสารมุ่งผลสั ม ฤทธิ์ โดยการริเริ่ ม
ผลักดัน ให้ความรู้ สนับสนุน ปลูกฝังค่านิยม และการพัฒนาทักษะการทางาน เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การ
สร้างคุณค่าและการตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้รับบริการด้วยวิธีการบริหารจัดการที่ ทันสมัย เป็นที่
ยอมรับในองค์กรโดยอาจการนาเทคโนโลยีสารสนเทศหรือเครื่องมือทางการบริหารจัดการที่เหมาะสมมาใช้ในการ
พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการทางานให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง รวมไปถึงการทาหน้าที่ในแก้ไขปัญหา
อุปสรรคทั้งในระดับนโยบายและระดับการปฏิบัติที่มีผลต่อการพัฒนาสถานพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจประเมิน
ได้ในรูปแบบหรือลักษณะของกิจกรรมการกาหนดเปูาหมาย นโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนงานในการบริหาร
สถานพยาบาล กระบวนการธรรมาภิบาลในการบริหารสถานพยาบาล การจัดการด้านคุณภาพโดยการมีส่วนร่วม
จากบุคลากรทุกระดับในองค์กร การรับฟังและตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้รับบริการ หรือชุมชน รวมทั้ง
การทบทวนแผนการและพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง
อาคาร สถานที่และสิ่งอานวยความสะดวกเป็นข้อกาหนดข้อแนะนาแนวทางปฏิบัติและมาตรฐานงานด้าน
วิศวกรรม สถาปัตยกรรมในโรงพยาบาล การประยุกต์ใช้หลักการทางวิศวกรรมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อการออกแบบ
พัฒนาปูองกันปรับปรุงและการแก้ไขงานด้านวิศวกรรมสถาปัตยกรรมในโรงพยาบาลให้เกิดความปลอดภัยภายใน
และภายนอกโรงพยาบาล
หมวดงานสถาปัตยกรรม
1.แผนพัฒนาและการวางผังโรงพยาบาล
1.1 มีแผนแม่บท (แผนพัฒนาและการวางผังโรงพยาบาลด้านอาคารและสภาพแวดล้อม)
1.2 มีผังบริเวณของโรงพยาบาลที่เป็นปัจจุบัน
2.ทางเข้า-ออกของโรงพยาบาล
2.1 ทางเข้า-ออกหลักของโรงพยาบาล มีการแบ่งช่องทางสัญจรสาหรับยานพาหนะและผู้สัญจรทาง
เท้าอย่างชัดเจน
2.2 ทางเข้า-ออกหลักของโรงพยาบาล สาหรับช่องทางเดินรถทางเดียว มีความกว้างไม่น้อยกว่า
3.50 เมตร หรือ
2.3 ทางเข้า-ออกหลักของโรงพยาบาล สาหรับช่องทางเดินรถสองทาง เดินรถสวนทาง มีความกว้าง
ไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร
3.ส่วนบริการของโรงพยาบาล
3.1 เข้าถึงแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินได้สะดวกรวดเร็ว
3.2สะอาดเรียบร้อยปลอดภัยและอานวยความสะดวก
3.3มีสถานที่ให้บริการเป็นสัดส่วนและได้มาตรฐาน
3.4 มีบริเวณพักรอของผู้รับบริการที่เพียงพอ
3.5มีสถานที่เอื้ออานวยความสะดวกต่อผู้สูงอายุ คนพิการหรือผู้เสื่อมสมรรถภาพทางกาย
3.6 ห้องผ่าตัดเล็ก มีขนาดพื้นที่ห้องผ่าตัดเล็กมีขนาดไม่น้อยกว่า๑๒ตารางเมตร โดยส่วนที่แคบสุด
ไม่น้อยกว่า 3 เมตร
3.7 ห้องผ่าตัดเล็ก มีความสูงของห้องผ่าตัดเล็กต้องไม่น้อยกว่า 2.60 เมตรแต่ในกรณีที่ความสูงไม่
ถึง๒.๖0เมตรมีการตกแต่งทาฝูาให้ต่าลงมาต้องมีความสูงที่วัดจากพื้นห้องถึงฝูาไม่ต่ากว่า ๒.๔๕เมตรและมีพัดลม
ดูดอากาศหรือระบบการระบายอากาศที่เหมาะสม
3.8 ห้องผ่าตัดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ห้องผ่าตัดใหญ่ต้องมีขนาดไม่น้อยกวา 20ตารางเมตรและความสูง
ไม่ต่ากวา๓ เมตร.
3.9 ห้องผ่าตัดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอย(แผนกผ่าตัด )ประกอบด้วย Staff Area ,บริเวณรับคนไข้ ,
Transfer Area , บริเวณฟอกมือเจ้าหน้าที่, Operation Rooms และ Recovery Rooms เป็นไปตามเกณฑ์ที่
กาหนด
3.10 การแพทย์ฉุกเฉินและการส่งต่อมีสถานที่ให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐานตาม
เกณฑ์ที่กาหนด
3.11 จิตเวช มีสถานที่ให้ บริการคานึงถึงความเป็นส่วนตัว และ/หรือความปลอดภัยและเอื้อต่อ
กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพจิตของผู้มารับบริการและผู้ให้บริการ
รูปแบบสัญลักษณ์โคมไฟฟูาปูายทางออกฉุกเฉิน
ความปลอดภัยเป็นข้อกาหนดข้อแนะนาและแนวทางการปฏิบัติ ในการกระทาหรือสภาพการทางานซึ่ง
ต้องปราศจากเหตุ อันจะทาให้เกิดการประสบอันตราย การเจ็บปุวยหรือความเดือดร้อนราคาญ อันเนื่องจาก
การทางานหรือเกี่ยวกับการทางานในโรงพยาบาลให้เกิดความปลอดภัยแก่บุคลากรและผู้เกี่ยวข้อง
1. การจัดการด้านความปลอดภัย
1. จัดให้มีนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานของ
โรงพยาบาล
2. จัดให้มีผู้รับผิดชอบหรือคณะทางานที่ทาหน้าที่รับผิดชอบงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาล
3. จัดให้มีแผนงาน งบประมาณ การติดตามประเมินผล รายงานผลการทบทวนการดาเนินงานด้าน
ความปลอดภัยประจาปี
2. กฎ ระเบียบ มาตรฐานหรือคู่มือปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการทางาน
1. จัดให้มีกฎ ระเบียบ มาตรฐานหรือคู่มือปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการทางานเหมาะสมกับ
บริบทของโรงพยาบาล
2. จัดทามาตรการหรือแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินตามปัจจัยเสี่ยงของโรงพยาบาล
3. มีวิธีการควบคุม กากับ ติดตามประเมินผล การปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ มาตรฐานหรือคู่มือความ
ปลอดภัยในการทางาน มาตรการหรือแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และมีการทบทวนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
อย่างต่อเนื่อง
3. การอบรมบุคลากร
1. มีการอบรมหรือให้ความรู้บุคลากรทุกระดับตามช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมและทั่วถึง
เกี่ยวกับกฎ ระเบียบ คู่มือความปลอดภัยในการทางานของโรงพยาบาล และมีการทบทวนความรู้ตามระยะเวลาที่
เหมาะสม
2. มีการฝึกอบรมให้ความรู้เฉพาะด้านของบุคลากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับงานในระบบวิศวกรรมที่
มีความเสี่ยงสูงหรือลักษณะงานอื่นที่มีความเสี่ยงตามบริบทของโรงพยาบาล โดยวิธี on the job training หรือส่ง
อบรมภายนอกและมีการติดตามประเมินผลและทบทวนความรู้อย่างต่อเนื่อง
4. สภาพแวดล้อม ความปลอดภัยในการทางานตามปัจจัยเสี่ยงของบุคลากร
1. จัดให้มีการตรวจวัดหรือประเมินสภาพแวดล้อมในการทางานตามปัจจัยเสี่ยงของบุคลากร อย่าง
น้อยปีละ 1 ครั้ง
2. จัดให้มีการตรวจสุขภาพของบุคลากรที่ทางานเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
3. มี ก ารตรวจสอบ ประเมิ น ค้ น หาความเสี่ ย งในระบบวิ ศ วกรรมที่ มี ค วามเสี่ ย งสู ง อย่ า งน้ อ ย
ปี ล ะ 1 ครั้ ง
4. มีแผนการตรวจสอบ ทดสอบ และบารุงรักษา อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ในระบบวิศวกรรมที่มีความ
เสี่ยงสูงตามกาหนด อย่างต่อเนื่อง
5. มีแนวปฏิบัติฉุกเฉินเมื่อระบบทางด้านวิศวกรรมความเสี่ยงสูง อาทิ เช่น ระบบไฟฟูา ระบบก๊าซ
ทางการแพทย์ ระบบสุขาภิบาลหรือระบบอื่นตามบริบทของโรงพยาบาล ไม่สามารถใช้งานได้
หลักเกณฑ์ด้านเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขนี้เป็นข้อกาหนด ข้อแนะนาและแนวทาง
ปฏิบัติ ด้านเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลเป็นวิธีการเลือก การใช้ การดูแลชิ้นส่วนหรือกลไกตามระยะเวลาการใช้
งาน ให้ อ ยู่ ใ นสภาพสมบู ร ณ์ พ ร้ อ มใช้ ง านและความปลอดภั ย และมี ก ารบ ารุ ง รั ก ษาเครื่ อ งมื อ แพทย์ ที่ ใ ช้ ใ น
โรงพยาบาลเพื่อสร้างความมั่นใจว่าโรงพยาบาลมีเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์พร้อมใช้งาน ปลอดภัย
และเชื่อถือได้
1. การจัดหาและติดตั้งของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
1. เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ใช้งานในโรงพยาบาลต้องได้รับรอง
มาตรฐานสากลหรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และไม่เคยถูกแจ้งเตือนและเรียกคืนผลิตภัณฑ์
(Alerts and Recalls) โดยที่ผู้ผลิตหรือผู้นาปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์
2. การติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขต้องเป็นไปตามข้อกาหนดของผู้ผลิต
และต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบเครื่องมือก่อนการตรวจรับ เพื่อตรวจสอบสมบูรณ์พร้อมในการทางานของ
เครื่องและความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบสนับสนุนของโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย
3. ต้องมีการขออนุญาตติดตั้งและใช้งานเครื่องมือ หากมีข้อกฎหมายกาหนดไว้
4. ต้องจัดทาทะเบียนประวัติหรือฐานข้อมูลประวัติเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
5. ที่เป็นปัจจุบัน และมีการประเมินระดับความเสี่ยงของเครื่องมือที่ต้องการการบารุงรักษา
2. การใช้งานและบารุงรักษาตามรอบเวลาของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
1. ผู้ใช้งานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลบารุงรักษาตามรอบเวลาของเครื่องมืออุปกรณ์ทาง
การแพทย์และสาธารณสุขต้องผ่านกระบวนการอบรมการใช้งานและบารุงรักษาจากผู้ผลิตหรือจาหน่ายผลิตภัณฑ์
2. มีการตรวจสอบและบารุงรักษาตามรอบเวลาครอบคลุมทุกเครื่องมือที่ต้องการการบารุงรักษา
รวมถึงเครื่องมือบริจาคตามแผนและรอบระยะเวลา ตามข้อกาหนดของผู้ผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และ
สาธารณสุข หรือตามมาตรฐานของวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หรือตามประกาศของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
3. ผู้ปฏิบัติงานในการตรวจสอบและบารุงรักษาตามรอบเวลาของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์
และสาธารณสุขต้องมีประสบการณ์หรือคุณวุฒิที่เหมาะสมตามมาตรฐานของวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หรือตามประกาศ
ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
3. ผลการตรวจสอบและบารุงรักษาตามรอบเวลาของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และ
สาธารณสุข
1. การบารุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ต้องครอบคลุมการทดสอบหรือ
สอบเทียบประสิทธิภาพการทางาน การทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟูา การทดสอบทางกายภาพภายนอกและ
ฟังก์ชันการทางาน และการบารุงรักษาตามรอบเวลา
2. การบ่งชี้สถานะบารุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างชัดเจนเป็น
ปัจจุบันและสืบค้นหาผลการตรวจสอบย้อนหลังได้
3. วิธีการบารุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขปฏิบัติตามข้อกาหนดของผู้ผลิต
หรือตามมาตรฐานของวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หรือตามประกาศของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
4. เครื่องมือมาตรฐานในงานบารุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขมีความ
เหมาะสมเป็นไปตามข้อกาหนดของผู้ผลิต หรือตามมาตรฐานของวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หรือตามประกาศของกรม
สนับสนุนบริการสุขภาพ และเครื่องมือมาตรฐานต้องสามารถสอบกลับผลการวัดได้
ระบบสนั บ สนุน ที่ส าคัญ เป็น ระบบงานด้านวิศวกรรม ที่ ให้ การสนับสนุน งานการรักษาพยาบาลของ
สถานพยาบาล ให้สามารถดาเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการตรวจสอบ บารุงรักษาเป็นระยะๆ ให้มีความพร้อม
ใช้ตลอดเวลาและมีระบบสารองที่เพียงพอ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการทางการแพทย์
ระบบสื่อสารเป็นการกาหนดข้อแนะนาและแนวทางปฏิบัติด้านระบบสื่อสารที่ใช้ในโรงพยาบาล ได้แก่
1. ระบบเรียกพยาบาล
1. มีผู้รับผิดชอบ ด้านระบบเรียกพยาบาล
2.มีคู่มอื การใช้งานของระบบเรียกพยาบาล และวิธีการใช้งานอย่างง่ายที่จุดใช้งาน
3.การติดตัง้ อย่างน้อยประกอบด้วย ชุดควบคุมหลัก ชุดควบคุมที่หัวเตียงผู้ปุวย สวิตช์ฉุกเฉินสาหรับ
เรียกในห้องน้าผู้ปุวยและห้องน้าผู้พิการ
4.มีแผนผังระบบเรียกพยาบาลที่เป็นปัจจุบันและมีบัญชีครุภัณฑ์ของระบบเรียกพยาบาล
5.มีการตรวจสอบระบบประจาวัน ให้พร้อมใช้ตลอดเวลา และบันทึกเก็บไว้
6.มีแผนและประวัติการบารุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. ระบบวิทยุคมนาคม
1. มีแผนงานบริหารจัดการ ผู้รับผิดชอบ ด้านระบบวิทยุคมนาคม ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน
2.ผู้ใช้งานวิทยุคมนาคมต้องมีบัตรประจาตัวผู้ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะหความถี่
ที่ออกโดยคณะกรรมการบริหารและควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม (คบค.)
3.มีคู่มือการใช้งานวิทยุคมนาคม
4.การติดตั้ง การใช้งาน การยกเลิก รื้อถอน เป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด (คบค.)
5.มีบัญชีครุภัณฑ์เครื่องวิทยุคมนาคม
6.มีการตรวจสอบระบบประจาวัน ให้พร้อมใช้ตลอดเวลา และบันทึกเก็บไว้
7.มีแผนและประวัติการบารุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
3. ระบบโทรศัพท์
1. มีผู้รับผิดชอบ ด้านระบบโทรศัพท์
2.มีบัญชีของหมายเลขโทรศัพท์ภายใน
3.มีแผนผังระบบโทรศัพท์ที่เป็นปัจจุบัน และมีบัญชีครุภัณฑ์ของระบบโทรศัพท์
4.มีการตรวจสอบระบบประจาเดือน ให้พร้อมใช้ตลอดเวลา และบันทึกเก็บไว้
5.มีแผนและประวัติการบารุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
4. ระบบเสียงตามสาย
1. มีผู้รับผิดชอบด้านระบบเสียงตามสาย
2.มีคู่มือการใช้งานระบบเสียงตามสาย
3.มีแผนผังระบบเสียงตามสายที่เป็นปัจจุบัน และมีบัญชีครุภัณฑ์ของระบบเสียงตามสาย
4.มีการตรวจสอบระบบประจาวัน ให้พร้อมใช้ตลอดเวลา และบันทึกเก็บไว้
5.มีแผนและประวัติการบารุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สุขศึกษาหมายถึงกระบวนการจัดโอกาสการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านสุขภาพสร้างเสริมความสามารถ
ของบุคคลรวมถึงปัจจัยอื่นๆเกี่ยวกับสภาวะทางเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอันจะนาไปสู่
การปรับเปลี่ยนสุขภาพและธารงพฤติกรรมสุขภาพที่ดีของบุคคลครอบครัวและชุมชน
เกณฑ์มาตรฐานระบบบริการสุขภาพด้านสุขศึกษาหมายถึงข้อกาหนดระบบคุณภาพที่จาเป็น (Essential
Requirements) สาหรับการทางานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเพื่อให้การดาเนินงานสุขศึกษาใน
โรงพยาบาลมีการบริหารจัดการที่ดีมีการจัดกระบวนงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพอย่า งเป็นระบบ
ถูกต้องตามหลักวิชาการและเชื่อถือได้สอดคล้องกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้องทุกมาตรฐานเป็นแนวทางการพัฒนา
คุณภาพมุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาพทั้งในโรงพยาบาลและต่อเนื่องไปไปถึงชุมชนด้วยมาตรฐานนี้ใช้สาหรับการ
พัฒนาและการประเมินงานด้านสุขศึกษาของโรงพยาบาลที่เชื่อมโยงไปถึงชุมชนเนื้อหาในมาตรฐานครอบคลุมใน
เรื่องปัจจัยนาเข้าทรัพยากรและสิ่งสนับสนุนกระบวนการผลผลิตและผลลัพธ์ซึ่งข้อกาหนดในมาตรฐานฯพัฒนาให้
เหมาะสมกับแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) และระดับการให้บริการโดยแบ่งกลุ่มเปูาหมายการ
พัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานระบบบริก ารสุขภาพด้านสุขศึกษาเป็น 2 กลุ่ม (อ้างอิงตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุ ขเรื่องการกาหนดลั กษณะของสถานพยาบาลและมาตรฐานซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับ
กฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลฉบับที่ 1)ดังนี้
1. สถานพยาบาลทั่วไป :โรงพยาบาลซึ่งให้บริการแก่ผู้ปุวยด้วยโรคทั่วไปมิ ได้จากัดเฉพาะโรคใด
โรคหนึ่ง
2. สถานพยาบาลเฉพาะทาง
2.1 ประเภทเฉพาะทาง :โรงพยาบาลที่จัดให้มีการประกอบวิชาชีพเฉพาะทางด้านเวช
กรรมเช่นโรงพยาบาลเฉพาะทางหูตาคอจมูกโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคทรวงอกโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคมะเร็ง
เป็นต้น
2.2 ประเภทเฉพาะประเภทผู้ปุวย :โรงพยาบาลที่จัดให้มีการประกอบวิชาชีพตาม
ลักษณะเฉพาะประเภทผู้ปุวยเช่นผู้ปุวยจิตเวชผู้สูงอายุแม่และเด็กบาบัดยาเสพติดเป็นต้น
2.3 ประเภทเฉพาะด้านวิชาชีพ :โรงพยาบาลที่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพตามด้านนั้นๆ
เช่น ทันตกรรมกายภาพบาบัดการแพทย์แผนไทยเป็นต้น
ด้านเนื้อหากระบวนการจะมุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาพใน 2 กลุ่มหลักคือ
1. กระบวนงานสุขศึกษาในกลุ่มไม่ปุวยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน
2. กระบวนงานสุขศึกษาในกลุ่มปุวยเพื่อส่งเสริมการจัดการตนเองในผู้ปุวยและครอบครัว
1. โครงสร้างมาตรฐานระบบบริการสุขภาพด้านสุขศึกษาแบ่งเป็น 3 หมวดดังนี้
หมวดที่ 1 การบริหารจัดการ
- นโยบายด้านสุขศึกษาหรือส่งเสริมสุขภาพของโรงพยาบาลที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของเครือข่าย
-บุคลากรดาเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 2 กระบวนงานสุขศึกษา
-กระบวนงานสุขศึกษาในกลุ่มไม่ปุวยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน
-กระบวนงานสุขศึกษาในกลุ่มปุวยเพื่อส่งเสริมการจัดการตนเองในผู้ปุวยและครอบครัว
หมวดที่ 3 ผลลัพธ์การดาเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
ระดับ มาตรฐานระบบบริการสุขภาพ
1 ระดับพื้นฐาน หมายถึงสถานพยาบาลเน้นการมีเปูาหมายของงาน ทบทวนปัญหา /
ความเสี่ยงการให้บริการและการดูแลสถานที่และสภาพแวดล้อม หามาตรการปูองกันและ
ดาเนินการต่อเนื่อง มีแผนการบริหารความเสี่ยงด้านโครงสร้าง กายภาพ และมีกาลังคน
ที่ชัดเจน ซึ่งสถานพยาบาลเองต้องมีการประเมินองค์กรตนเองครบทุกด้าน (เกณฑ์ใน
ระดับพื้นฐาน คือ มีด้านใดด้านหนึ่งจาก 9 ด้าน มีคะแนนต่ากว่า 60%)
2 ระดับพัฒนา หมายถึงสถานพยาบาลมีการเชื่อมโยงการบริหารความเสี่ยง การประกันคุณภาพ
และการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องเข้าด้วยกันทุกหน่วยภายในองค์กร เน้นการนาข้อมูล
วิชาการ และมาตรฐานในแต่ละด้านมาสู่การปฏิบัติ มีการติดตาม บริการที่เน้นผู้รับบริการเป็น
ศูนย์กลาง อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสถานพยาบาลมีการประเมินองค์กรตนเองครบทุกด้าน มี
คะแนนทุกด้านตั้งแต่ร้อยละ 60 ขึ้นไป
3 ระดับคุณภาพ หมายถึงสถานพยาบาล ได้ปฏิบัติตามข้อกาหนดของมาตรฐานระบบบริการ
สุขภาพครบถ้วน มีรูปธรรมของการพัฒนาที่ชัดเจน จนเกิดวัฒนธรรมคุณภาพในองค์กร
ซึ่งสถานพยาบาลมีการประเมินตนเองครบทุกด้าน (เกณฑ์ที่ได้ระดับคุณภาพ คือ คะแนนใน
แต่ละด้าน ทั้ง 9 ด้านไม่ต่ากว่า 85 %)