Flower of Paradise Lost เป็นเซ็ตอาร์ติแฟกต์ ที่มีระดับดาว 4 ดาวและ 5 ดาว สามารถหาได้จากดันเจี้ยนเมืองแห่งทองคำ
เนื้อเรื่อง[]
Ay-Khanoum's Myriad
มีเพียงญินเท่านั้นที่จำเรื่องในกาลก่อนได้ จ้าวแห่งบุปผานั้นถูกสวรรค์ทอดทิ้ง
ร่างกายที่สง่างามสูงส่งโรยราทรุดโทรม เผ่าพันธุ์ก็โดนลงทัณฑ์จนเสียสติไป...
ตำนานเล่าว่าจ้าวแห่งบุปผาเคยท่องไปในดินแดนที่แห้งแล้งทุรกันดาร เป็นเวลาเจ็ดสิบสองคืน...
ส้นเท้าถูกกรวดที่ไร้ความปรานีบาดลึกฉีกขาด ปากแผลที่ได้รับมีสายไหลนองออกมาเป็นน้ำพุใส และกลายเป็นลำธารที่ไร้ขอบเขต
จากนั้นสายน้ำของลำธารก็ไหลรดสวนเขียวขจี ผลิดอกอุบลชาติสีน้ำเงินราวราตรีออกมา...
ดอกอุบลชาตินี้คือมารดาของญิน ซึ่งญินถือกำเนิดเกิดจากความฝันอันเมามาย และความทรงจำอันขื่นขมของการสูญเสีย
เดิมทีญินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดหลักแหลม พวกนางทั้งหมดกลับเสพติดความฝันที่ไร้เดียงสาและความรักที่ราวกับความฝันอันแสนหวาน
ระลึกถึงพระคุณผู้สร้างด้วยซาบซึ้ง ญินสัมผัสแขนของนายหญิง เพื่อสวมมงกุฎดอกเบญจมาศป่าลงบนศีรษะของนาง
"จ้าวแห่งดอกไม้เอ๋ย จ้าวแห่งสวนขจี ได้โปรดอยู่ที่นี่ ได้โปรดอย่าได้ทอดทิ้งข้า!"
"ใช่แล้ว ใช่แล้ว มารดาแห่งความฝัน เมรัยและการลืมเลือน ได้โปรดเป็นราชินีของสวนแห่งนี้ด้วยเถิด"
เพราะเหล่าญินที่แสนอ่อนโยน จึงอดไม่ได้ที่จะอยู่ต่อ เทพที่ถูกเนรเทศจึงได้พักอยู่ในสวนที่ดอกไม้บานสะพรั่ง
ทุกย่างก้าวที่นางหยุดเดิน จะมีดอกไม้สีม่วงงดงามราวแสงจันทร์เบ่งบานขึ้นมา นามว่า "Padisarah"
Wilting Feast
ในอดีตที่มีเพียงญินเท่านั้นที่ร่ำไห้ นายหญิงแห่งโอเอซิสได้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย
ขณะนั้น ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้แล้วว่า ชะตากรรมของตนไม่ใช่ปริศนา แต่เป็นกุญแจในการเปิดประตูลึกลับ
จากคำพูดแค่ความฝันของราชา Deshret เธอมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะก้าวข้ามกฎอันไร้สาระของโลกนี้
ราชามงกุฎแดงปฏิเสธของขวัญจากบัลลังก์ และแสวงหาเส้นทางใหม่ตามเจตนารมณ์ของตนเอง
แม้ว่าอนาคตที่เธอเปิดเผยจะเลวร้ายและเยือกเย็น แต่กษัตริย์กลับยังยืนกรานไม่ถอยร่นแม้ครึ่งก้าว
แม้รู้ว่าต้องออกเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย แม้รู้ว่าจะได้เห็นการหายตัวไปของคนที่รัก...
แต่ราชันสีชาดเลือกคำโกหกอันสูงส่ง เพื่อนำพาผู้ศรัทธาไปสู่ความพินาศที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
"สิ่งที่เจ้าแสวงหาเป็นเพียงการไล่ตามลม บนหลุมศพของเทพอสูร มนุษย์จะเป็นเทพเจ้าของเหล่าทวยเทพ"
"ภาพมายาของแดนฝันอันไร้กังวลจะต้องพังทลาย และบนเศษซากของคำโกหกที่แหลกสลาย มนุษย์จะกลายเป็นราชาแห่งราชัน"
ราชินีแห่งบุปผายอมจำนนต่อความเขลาของพวกพ้อง และเธอพบว่าการกบฏอันล้ำค่านั้น ลุกโชนอยู่ในความทะเยอทะยานของเทพเจ้า
ความคิดที่จะรวมภูมิปัญญาของคนนับพัน และความพยายามอันยิ่งใหญ่ในการผูกมัดความฝัน และพลังนับพันเข้าด้วยกัน
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นไม่ได้เป็นเพียงคำโกหก แต่มันเป็นของอนาคตของมนุษย์ ราวกับประกายไฟแห่งความหวัง...
ความฝันจะเลือนรางในที่สุด ภาพฝันมักจะมีคืนที่พังทลายลงเสมอ... นี่ต่างหากคือความหมายที่แท้จริงของการเบ่งบาน
มีเพียงการประสบกับความพินาศที่หลงผิดของเทพเจ้าเท่านั้น มนุษย์จึงจะมีวันลุกขึ้นต่อต้านความประสงค์ของเหล่าทวยเทพได้...
เช่นเดียวกับเทพผู้ดื้อรั้นที่เตรียมการกบฏลับนี้เพื่อนาง และรอดชีวิตมาได้ด้วยเจตจำนงของตัวเอง
เพียงแต่ว่า นายหญิงแห่งบุปผาไม่เคยรู้จักความรักที่จะหวานเหมือนดั่งไวน์ นับประสาอะไรกับความรักของมนุษย์เพียงเล็กน้อย
แม้ว่านางจะเฉลียวฉลาดมาก แต่ก็ยากที่จะคาดเดา เมื่อไหร่เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กพวกนี้ถึงจะตระหนักรู้ได้นะ...
"...สิ่งที่เรียกว่า 'เทพ' นั้น ไม่ได้จำเป็นสำหรับเจ้าตั้งแต่แรกแล้วหรอกหรือ?"
A Moment Congealed
มีเพียงญินเท่านั้นที่สามารถถอดถอนหายใจให้แก่สิ่งที่จากไป นายแห่งทรายสีชาดได้สร้างสุสานให้แก่คนรักของตน
พลังเสาที่ฝังลึกลงไปในทรายคือแหล่งกำเนิด และญินคือพลังที่คอยช่วยเหลือ ทำให้เกิดโอเอซิสที่เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง
หลายพันปีต่อมา ตำนานของ "โอเอซิสนิรันดร์" ได้แพร่กระจายไปท่ามกลางชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย
ชนเผ่าเร่ร่อนกล่าวว่า นั่นเป็นโอเอซิสที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉา และไม่มีวันโรยรา ที่ปกครองโดยเทพบุปผาผู้หลับใหลชั่วนิรันดร์
ชนเผ่าเร่ร่อนกล่าวว่า มารดาคนสุดท้ายของญิน Ferigees ได้ปกปักประตูใหญ่แห่งโอเอซิส
นางได้ให้ให้พรแก่มนุษย์ทุกคนที่มาด้วยความอ่อนโยนที่ไม่แปรเปลี่ยนเป็นเวลาหลายพันปี ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะดี หรือจะร้าย...
ราชินีรุ่นก่อน ๆ ของชนเผ่า Tanit, Uzza, Shimti และชนเผ่าอื่น ๆ ล้วนเรียกตนเองว่า "ธิดาแห่งเทพบุปผา"
ด้วยศรัทธาเป็นรากฐาน โลหิตเป็นตัวเชื่อม และพึ่งพาสวน Padisarah ในจินตนาการนั้น...
ชนเผ่าในทะเลทรายที่แยกจาก ล้วนดิ้นรนแสวงหาสายน้ำที่ไม่มีวันหมด และความรู้อันไร้สิ้นสุด
ดั่งคำทำนายที่เทพของพวกเขาทิ้งไว้ หลังจากการล่มสลายของอารยธรรม มนุษย์ยังคงเอาตัวรอดอย่างดื้อรั้น...
แม้จะสูญสิ้นจากคำชี้นำของเทพไป จนต้องหยิบยืมความทรงจำของเทพที่ล่วงลับไปนานแล้วเพื่อรวมตัวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทะเลทรายเกลือที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งนี้ ไม่สามารถหยุดยั้งการเหยียบย่ำของเหล่ามนุษย์ได้ แม้ว่า "โอเอซิสนิรันดร์" อาจเป็นเรื่องโกหกชั่วนิรันดร์ แต่เหล่าชนเผ่าก็ไม่ละทิ้งการค้นหามัน
"ราชาแห่งข้า... ทำไมท่านถึงได้สั่งให้เนินทรายหยุดไหล กู่ร้องบอกสายลมให้พวกมันหยุดโพยพัดกันเล่า?"
"เฉกเช่นเพลานี้ ถ้าทรายคริสตัลเหล่านี้หลอมรวมกันเป็นก้อน การดำรงอยู่ของมันจะมีประโยชน์อะไร?"
" 'นิรันดร์' ไม่เคยเป็นสวนสวรรค์ แต่เป็นสิ่งสกปรกที่กำจัดไม่ได้ ทั้งไม่สามารถย่อยสลาย และไม่สามารถสร้างใหม่ได้"
"มันเบ่งบานเหมือนดอกไม้, ถูกทำลายเหมือนดอกไม้ ทั้งยังเกิดใหม่อีกครั้งในฤดูที่ดอกผลิบาน ไร้ซึ่งปัญหายุ่งยากอย่าง 'ความตาย' "
ในขณะนั้น การสนทนาของทั้งสามพันธมิตรก็ถูกพัดล่องลอยไป ในสายลมเหนือทะเลทรายเป็นเวลาหลายพันปีให้หลัง...
ที่ไหนสักแห่งในทะเลทรายอันไกลโพ้น มีโอเอซิสยังคงอยู่ในจินตนาการ [sic]ของเหล่าชนเผ่า
และชนเผ่าที่ไร้รากเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่ใน วัฏจักรแห่งชีวิตและความตาย ท่ามกลางเม็ดทรายที่ไหลรินจากเนินทราย...
Secret-Keeper's Magic Bottle
ในอดีตที่มีเพียงญินเท่านั้นนิ่งสงบ ราชันทรายชาดแสดงความทะเยอทะยานของตัวเองต่อราชินีบุปผา
แสงจันทร์ส่องสะท้อนในแก้วไวน์ทาฑิม และในที่สุดราชินีแห่งบุปผาก็ยอมจำนนต่อการเกลี้ยกล่อมของเพื่อนอันเป็นที่รัก
ไม่มีใครรู้ว่าราชา Deshret พูดสิ่งใดในคืนนั้น แม้แต่ญินที่อายุมากที่สุดก็ยังเลือกที่จะปิดปากเงียบ
ไม่มีใครจำความปรารถนาของราชา Deshret ที่เผยขึ้นในคืนนั้นได้ แม้แต่เทพที่ทรงปัญญาที่สุดก็อาจสั่นสะท้าน
แต่จ้าวแห่งดอกไม้นั้นรู้ถึงความหมายของมันดี เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
ทะเลทรายและโอเอซิสเป็นราชาที่ทรงอำนาจและสูงส่งที่สุด แต่กลับมีความคิดดื้อรั้นเป็นที่สุด
"ข้าจะช่วยเจ้าเก็บความลับไว้ เพราะความรู้สึกที่มีต่อเจ้านั้นลึกซึ้งเฉกเช่นที่ข้ามีต่อเทพแห่งปัญญา"
"ข้าจะสร้างสะพานให้แก่เจ้า เพื่อเติมเต็มความฝันเฟื่องในใจเจ้า แต่อย่าได้หวั่นกลัวต่อกรงเล็บไพลินสีน้ำเงิน..."
"ข้าจะนำทางเจ้าสู่ความรู้อันลึกซึ้ง แต่อย่างที่ข้าได้เตือนไว้ ว่าเจ้าจะต้องสูญเสียมากมายอย่างแน่นอน..."
"อย่างไรก็ตาม จงจำบทเรียนที่ข้าพร่ำสอน และโทษทัณฑ์อันโหดร้ายที่เหล่าผู้ส่งสาสน์พึงได้รับ..."
"โปรดจำไว้ หากยังมีความหวังในโลกหล้า ความหวังนั้นจะอยู่ที่มนุษย์อย่างแน่นอน"
ในความมืดมิด เธอนำทางเพื่อนรักไปยังเส้นทางลับ ที่นำไปสู่ความรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับสวรรค์และนรก
ใช้ตัวเองเป็นสะพาน และใช้โอเอซิสเป็นข้อแลกเปลี่ยน ความหลงผิดของเขาจะดับไปด้วยความรุ่งโรจน์อันพร่างพราว...
หลังจากสูญเสียเทพอสูร พายุแห่งสวรรค์ก็ปะทุขึ้น ทรายสีเหลืองลอยฟ่องเต็มท้องฟ้า ไม่นานหายนะก็กลืนกินทุกสิ่ง...
ราชา Deshret กลับมาจากพายุทรายที่หมุนวนเต็มท้องฟ้า แต่เขากลับไปพบแม้แต่เงาของนายหญิงแห่งบุปผา
"...เมื่อครู่ข้าฝันถึงเจ้า... คลำหาระหว่างกำแพงในเขาวงกตแห่งคริสตัล... แต่สิ่งที่พบ...กลับมีเพียงทะเลทราย..."
Amethyst Crown
ในอดีตที่มีเพียงญินเท่านั้นที่ร้องเพลงได้ นายหญิงแห่งโอเอซิสได้พบกับราชันทรายชาด
ในช่วงเวลาโหดร้ายที่กษัตริย์แก่งแย่งชิงอำนาจกันเอง ราชา Deshret ได้ตัดสินใจแบ่งปันบัลลังก์ให้กับอีกสองคน
เหล่าญินมอบบัลลังก์นกยูงที่ประดับด้วยมรกตและทับทิม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพันธสัญญาของเพื่อนรักทั้งสามคน
เพื่อเกียรติยศแห่งโอซิสอันเป็นนิรันดร์ เพื่อ Padisarah ที่บานสะพรั่ง นายหญิงแห่งบุปผาจึงได้สวมมงกุฎอเมทิสต์
"แต่ 'นิรันดร์' เป็นเพียงคำโกหก ความมัวเมาและความรักจะบดขยี้ความทรงจำ และกลายเป็นความเพ้อฝันที่แหลกสลาย"
"เจ้าเคยถามข้าว่าทำไมถึงถอนหายใจบ่อยเหลือเกิน ในค่ำคืนที่จันทราส่องสว่างนี้ ข้าจะค่อย ๆ เล่าเรื่องในอดีตให้เจ้าฟังก็แล้วกัน..."
"มันเป็นยุคแห่งสันติที่อยู่ห่างไกลนัก มีผู้ส่งสาส์นจำนวนมากที่สื่อสารกับมนุษย์ และคอยถ่ายทอดถ้อยคำของสวรรค์..."
"แต่ต่อมา ได้มีผู้รุกรานลงมาจากฟากฟ้า ทำลายสิ่งต่าง ๆ นับไม่ถ้วน สายน้ำกลับตาลปัตร และโรคระบาดก็โหมกระหน่ำขึ้น..."
"ผู้ที่มาจากภายนอกนำสงครามมาสู่อดีตชาติตระกูลของข้า และนำความหลงผิดมาสู่การทลายพันธนาการของแผ่นดิน"
"เจ้าแห่งท้องนภาหวาดกลัวต่อความหลงผิดและความก้าวหน้า ท่านจึงปลดปล่อยตะปูศักดิ์สิทธิ์เพื่อซ่อมแซมโลก และทำลายอาณาจักรมนุษย์ให้สิ้น..."
"เราต้องทนทุกข์กับการถูกเนรเทศ ขาดการติดต่อกับสวรรค์ และสูญเสียความสามารถในการศึกษา..."
"เนื่องจากภัยพิบัติ ข้าถูกสาปแช่งอย่างรุนแรงจนไม่สามารถแหงนมองท้องฟ้าได้อีก โชคดีที่ข้ายังรักษาชีวิตได้ถึงทุกวันนี้..."
"แต่บ้านเกิดเอาแต่พร่ำเรียกฉันอยู่เสมอ แม้ว่าภัยพิบัติของดวงดาวกับขุมนรกจะก่อตัวขึ้นบนคริสตัลก็ตาม"
"จงฟังคำเตือนของข้า อย่าได้ตามหาจ้าวแห่งเงาทั้งสี่ อย่าถามถึงความลับของสวรรค์และขุมนรก"
"มิฉะนั้น ดั่งเมื่อกรงเล็บแห่งลงทัณฑ์เป็นที่แน่ชัด จุดจบอันน่าเศร้าและขมขื่นจะบังเกิดขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ราชาสีชาดไม่เห็นด้วยกับคำเตือนของคู่หู และแสดงความปรารถนาอันหยิ่งผยองขึ้นในใจ
ภายใต้แสงจันทร์ส่อง ขณะบรรจงเช็ดน้ำตาของคู่หู เขาบอกเล่าความปรารถนาของตนเองให้แก่เทพอสูรแห่งบุปผาฟัง...
ดูเพิ่ม[]
ชื่อในภาษาอื่น[]
ภาษา | ชื่ออย่างเป็นทางการ | ความหมายที่แท้จริง |
---|---|---|
ไทย | Flower of Paradise Lost | — |
อังกฤษ | Flower of Paradise Lost | — |
จีน (ตัวย่อ) | 乐园遗落之花 Lèyuán Yíluò zhī Huā | |
จีน (ตัวเต็ม) | 樂園遺落之花 Lèyuán Yíluò zhī Huā | |
ญี่ปุ่น | 楽園の絶花 Rakuen no Zekka | Paradise's Extinct Flower |
เกาหลี | 잃어버린 낙원의 꽃 Ireobeorin Nagwon-ui Kkot | Flower of Paradise Lost |
สเปน | Flor Olvidada del Paraíso | Paradise's Forgotten Flower |
ฝรั่งเศส | Fleur du paradis perdu | Flower of the Lost Paradise |
รัสเซีย | Цветок потерянного рая | Flower of Paradise Lost |
เวียดนาม | Đóa Hoa Trang Viên Thất Lạc | |
เยอรมัน | Blumen des verlorenen Paradieses | |
อินโดนีเซีย | Flower of Paradise Lost | — |
โปรตุเกส | Flor do Paraíso Perdido | |
ตุรกี | Kayıp Cennet Çiçeği | Flower of the Lost Paradise |
อิตาลี | Fiore del paradiso perduto | Flower of the Lost Paradise |
ประวัติการเปลี่ยนแปลง[]
หน้าอื่น ๆ[]
|