ต้องบอกว่าประเทศของเรา ยืนหนึ่งอยู่แล้วในเรื่องของ อากาศร้อน ถึงขนาดติด 1 ใน 15 เมืองที่ร้อนที่สุดในโลก ยิ่งในช่วงที่เข้าสู่หน้าร้อนอย่างจริงจังแล้ว บางจังหวัดมีอุณหภูมิสูงทะลุกว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว แถมร้อนเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย และต่อให้จะมีหลายๆ คนบอกว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร อย่างมากก็แค่เปิดแอร์ หรือพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่า ประเทศของเรายังคงพบผู้เสียชีวิตจาก โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก ให้ได้เห็นกันเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อเป็นการป้องกัน เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ และวิธีรับมือกันไว้ดีกว่า
คนไทยคุ้นหูกันดี แต่รู้หรือไม่ว่า โรคลมแดด คืออะไร มีอาการอย่างไรบ้าง
ภัยร้ายหน้าร้อนอย่าง โรคลมแดด นี้ ทางการแพทย์เรียกว่า ฮีทสโตรก (Heatstroke) เป็นภาวะที่เกิดจากร่างกายมีความร้อนสูงมากเกินไป ช่วงระดับ 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านี้ก็ถือว่าเสี่ยงแล้ว ลักษณะอาการที่พบต่อมาคือ ผิวหนังแห้ง ร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีเหงื่อออก ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นเร็วมากขึ้น ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ มึนงง หน้ามืด คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย รู้สึกกระหายน้ำมาก บางรายหนักถึงขั้นเกร็ง ชักกระตุก และหมดสติไป หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้อวัยวะภายใน อย่างสมอง หัวใจ ปอด ไต กล้ามเนื้อ เกิดอันตรายได้ มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ส่งผลให้ถึงขั้นพิการ และเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุของการเกิดภาวะฮีทสโตรก มักจะมาจากการทำงาน ใช้แรงงาน หรือออกกำลังกายอย่างหนักในสภาพอากาศร้อน หรือมีความชื้นในอากาศสูง
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเจอโรคลมแดด
- ผู้ที่ต้องทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานาน เช่น นักกอล์ฟ เกษตรกร เป็นต้น
- พนักงานออฟฟิศ ที่ทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานาน แล้วออกมาเผชิญกับอากาศร้อนจัด
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ เพราะร่างกายจะไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าวัยหนุ่มสาว
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจ เบาหวาน เป็นต้น
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
- ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ ในสภาพที่อากาศร้อน
แนวทางการป้องกันตัวเองไม่ให้เสี่ยงต้องเจอกับโรคลมแดด
วิธีการป้องกันตัวเอง ให้ห่างไกลจากโรคลมแดด ง่ายๆ เลยคือพยายามหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด หากมีความจำเป็นให้สวมแว่นกันแดด และหมวกปีกกว้าง สวมใส่เสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา ไม่หนา ระบายความร้อนได้ดี จิบน้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน แม้จะไม่กระหายก็ตาม เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง หากต้องการออกกำลังกายให้เลือกช่วงเวลาเช้าหรือเย็น เพราะอากาศจะไม่ค่อยร้อน